ไม่ว่าจะเป็นแสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์ แสงหลอดไฟในอาคาร หรือแม้แต่ช่วงแสงสีน้ำเงินอมม่วงที่เป็นอันตรายต่อจอประสาทตาเมื่อเราจ้องมองอุปกรณ์ดิจิทัล โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงินที่ในปัจจุบันมีการตื่นตัวกันอย่างกว้างขวาง เพราะงานศึกษาหลายชิ้นระบุว่าผู้คนกว่า 68% มีอาการอ่อนล้าทางสายตาเพราะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานานหลายชั่วโมงต่อวัน และมีความเสี่ยงต่อภาวะจอประสามตาเสื่อมจากแสงสีน้ำเงินอมม่วง อีกทั้งยังทำให้เกิดอาการตาแห้ง ปวดกระบอกตา และบางรายอาจมีอาการมองเห็นภาพเบลอร่วมด้วย
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแท้จริงนั้น แสงธรรมชาติ แสงหลอดไฟ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิดก็สามารถทำร้ายดวงตาเราได้มากเช่นกัน โดยแสงธรรมชาติจะมาพร้อมกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตรายกับดวงตาเราและเป็นหนึ่งปัจจัยเสี่ยงในการเร่งการเสื่อมอายุของเลนส์ตาที่ทำให้เกิดโรคต้อกระจก โดยเฉพาะดวงตาของเด็กเล็กยิ่งมีความไวต่อรังสียูวีมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า แม้การออกไปรับแสงธรรมชาติจะส่งผลดีต่อร่างกายในการสังเคราะห์วิตามินดีเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก แต่ดวงตาก็จำเป็นต้องได้รับการปกป้องด้วยเช่นกัน
วิธีการปกป้องดวงตาที่ต้องท้าแสงในกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ
สำหรับผู้ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรืออ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรพักสายตาด้วยกฎ 20-20-20 โดยหยุดพักสายตาเป็นเวลา 20 วินาที ทุก ๆ 20 นาที ด้วยการมองไกลออกไป 20 ฟุต ซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้ผ่อนคลาย และเป็นการกระตุ้นให้เรากระพริบตาเพื่อเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงในดวงตาของเราอีกด้วย
“วันสายตาโลก” World Sight Day ในปีนี้ กลุ่มบริษัทเอสซีลอร์ ได้จัดโครงการรณรงค์ตามพันธกิจที่ต้องการส่งมอบสุขภาพสายตาที่ดี เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คนทั่วโลก ง่ายๆ ด้วยการขอเชิญชวนให้แฟนเพจของเฟสบุ๊ค Essilor Thailand ช่วยกันแชร์โพสต์ของโครงการรณรงค์ ตลอดทั้ง 7 วัน ตั้งแต่ 2-8 ต.ค. นี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลปกป้องดวงตาจากรังสีที่เป็นอันตราย